NEED
คนเรามีความต้องการไม่เหมือนกัน
บ้างต้องการเพียงแค่ปัจจัย 4 ในการดำรงชีวิต บ้างก็ขยับขึ้นมาอีกหน่อยคือการศึกษา
หน้าตาในสังคม หรืออาจจะเป็นของใช้ฟุ่มเฟือยที่ชีวิตนี้ไม่มีมันก็ไม่ตายแต่อย่างใด
และแน่นอนผมก็เป็นคนหนึ่งที่ต้องการของพวกนั้น
เมื่อก่อนผมมักจะคิดเสมอว่าแค่มีเงินซื้ออะไรก็ได้
ไหนใครบอกว่าซื้อความสุขไม่ได้ ผมบอกเลยว่าเงินซื้อได้จริงๆ
คุณลองคิดดูนะคุณมีเงินในมือแต่คุณอยากกินข้าวและคุณก็ใช้มันกินข้าว
หลังจากนั้นคุณก็อิ่ม ผมถามทีนะคุณมีความสุขไหม? ผมจะตอบแทนให้แล้วกันสำหรับผมมีความสุขมาก
แต่ผมมารู้ตอนนี้แล้วเงิน
ไม่ใช่ความสุขที่ผมต้องการอีกต่อไป เมื่อผมมีมันทุกอย่างจนผมไม่อยากได้มันอีกแล้ว
“สร้อยแขน?” ผมถามคนที่นอนอยู่ข้างๆ
ด้วยความแปลกใจ ความเย็นเฉียบที่ข้อมือทำเอาผมเลิกคิ้วขึ้นมอง
ดวงตาสีน้ำตาลเข้มนั่นจ้องตาผมพร้อมกับรอยยิ้มบางๆ
ที่มักจะทำให้ผมเคลิ้มตามอย่างง่ายดายนั้นทำให้ผมต้องหลบตาไปทางอื่นและเลือกที่จะสนใจสร้อยแขนเส้นนี้แทน
“ก็เห็นว่าเส้นเก่าใส่มานานแล้ว ป๊าก็เลยซื้อให้ไง”
นี่ก็เป็นอีกหนึ่งอย่างที่ทำเอาผมหน้าร้อนขึ้นมา
การที่อีกคนแทนตัวเองด้วยคำว่าป๊านี่แหละ
“นานตรงไหนเพิ่งสองเดือนเอง” ผมบ่นเบาๆ
ก่อนจะถอดมันออกแล้วนำมันกลับไปใส่กล่องของมันเหมือนเดิม
ก่อนจะลุกขึ้นนั่งบนเตียงด้วยความเมื่อยล้าจากกิจกรรมเมื่อไม่ถึง 1 ชั่วโมงที่ผ่านมา
“อ่าวหรอ? ป๊าว่านานกว่านั้นอีกนะ
ตอนแรก...” อีกคนยังพูดไม่ทันจบผมก็เอื้อมมือไปปิดปากอีกคนก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆ
“ผมมีทุกอย่างแล้ว ป๊าไม่ต้องซื้อมาให้ก็ได้”
ผมพูดเสียงเรียบก่อนที่มือของตัวเองจะโดนป๊าคว้าไปจูบเบาๆ
ริมฝีปากสีฝาดนั่นไล่จูบไปทั่วหลังมือก่อนที่จมูกโด่งจะกดลงมาที่หลังแหวนสีเงินแล้วจูบทับที่แหวนแผ่วเบา
ผมเม้มปากแน่นก่อนจะหันไปสบตากับคนที่เคลื่อนกายมานอนหนุนตักเปลือยของผม
เรือนผมสีเทาเข้มนั่นยังคงนุ่มและน่าสัมผัสเหมือนเดิม
ผมใช้มือข้างที่ว่างลูบมันเบาๆ ก่อนจะยิ้มออกมาเมื่ออีกคนยิ้มออกมาเช่นกัน
“แล้วมีอะไรที่ป๊าให้หนูไม่ได้บ้างหืม?” ดวงตาน้ำตาลยังคงจ้องผมด้วยสายตาสื่อความหมาย ใจผมมันเต้นแรงขึ้นมาทันทีที่ริมฝีปากอิ่มละจากมือผมแต่เปลี่ยนมาประทับลงที่ข้อมือ
ก่อนที่ร่างของอีกคนจะลุกขึ้นมาและผลักผมให้เอนลงไปนอนบนที่นอนนุ่ม
ความนุ่มของริมฝีปากที่ไล้ไปทั่วหน้าอกพร้อมกับมืออีกคนบีบเฟ้นไปทั่วร่างกาย
ไม่มีจุดไหนที่อีกคนไม่ได้สัมผัสผม ทุกตารางนิ้วของร่างกายผมอีกคนรู้จักมันดีกว่าตัวผมเองซะอีก
“อะ...อา..” เสียงหอบใจหายประสานกันเป็นจังหวะ
แม้ไม่ได้อ่อนโยนแต่มันก็ไม่ได้รุนแรง ผมชอบนะร่างกายที่มีอะไรเหมือนๆ กัน
ลมหายใจร้อนๆ
ทุกการขับเคลื่อนที่อีกคนมอบให้มันเป็นไปด้วยความรู้สึกดีจนผมแทบจะเป็นบ้าตาย ยิ่งกว่าอยู่บนเมฆนุ่มๆ
หรืออยู่บนเครื่องเล่นหวาดเสียวที่สุดในโลกซะอีก
เพียงแค่ป๊าทำแบบนี้..
“ชอบไหม?” เป็นคำถามที่ผมไม่อยากจะตอบซะด้วยซ้ำแต่ริมฝีปากของอีกคนที่แกล้งจูบไปทั่วใบหน้าโดยเลี่ยงไม่ให้โดนริมฝีปากของผมนั่นยิ่งทำให้ผมต้องรีบพยักหน้าด้วยความต้องการที่มี
ผมเหมือนจะเห็นแววตาขี้เล่นของอีกคนเพียงชั่วครู่
ฟันซี่คมก็กัดลงมาที่ริมฝีปากล่างของผมอย่างเต็มแรง
แม้มันจะเจ็บจนรู้สึกถึงกลิ่นคาวเลือดแต่ก็ไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกแย่แต่อย่างใด
มันกลับทำให้ใจผมเต้นแรงมากกว่าเดิมซะด้วยซ้ำ..
--
ผมเกลียดเวลานี้มากที่สุด
เวลาที่เราต้องจากกันยังไงละ
“ป๊าอาจจะมาหาอีกทีวันเสาร์นะ
ถ้าขาดเหลืออะไรก็โทรมารู้ไหม?” ผมมองอีกคนที่แต่งตัวช้าๆ
ก่อนจะเดินเข้าไปหาทั้งๆ ที่ตัวเองใส่เพียงกางเกงบ๊อกเซอร์ตัวเดียว
“เดี๋ยวผมจัดเนกไทให้” ผมขยับเนกไทอีกคนที่มันเบี้ยวให้ตรงก่อนจะตบเบาๆ
ไปทั่วหน้าอกกว้างก่อนจะถอยหลังออกมา แต่ไม่ทันที่จะได้ถอยมือยาวๆ
อีกคนก็รวบเอวผมเข้าไปชิด ไม่กลัวว่าเสื้อสูทของตัวเองจะยับซะด้วยซ้ำ
“ทำไมทำหน้าแบบนี้ละหืม?” อีกคนถามผมด้วยความเป็นห่วง
ผมเม้มปากก่อนจะหันหน้าหนีไปทางอื่น
“ก็วันนี้เพิ่งวันอาทิตย์.. กว่าป๊าจะหามาผม...”
ผมเบะปากออกเล็กน้อยก่อนหันไปยิ้มให้อีกคน
“คิดถึงป๊าหรอ?” อีกคนขยับเข้ามาชิดหูของผมก่อนจะกระซิบเบาๆ
ทำเอาผมรู้สึกจักกะจี้ขึ้นมาทันที
“ไม่บอก”
ผมหัวเราะออกมาเมื่ออีกคนหรี่ตามองผมด้วยสายตาล้อเลียน
“ถ้าบอกว่าคิดถึงป๊า เดี๋ยววันพุธป๊าอาจจะมาหาก็ได้นะ”
ผมเบิกตาโตก่อนจะยกมือของตัวเองไปลูบแก้มของอีกคนเบาๆ
“ป๊าไม่โกหกใช่ปะ?” ผมถามหยั่งเชิง
“ก็..ถ้าคำพูดมันน่าฟังป๊าก็จะพิจารณา”
ผมจ้องตาอีกคนก่อนจะกัดริมฝีปากตัวเองแน่น
มือทั้งสองข้างของอีกคนที่รวบเอวผมไว้ก็ปล่อยออกมาก่อนจะใช้มันกุมหน้าผมทั้งสองข้าง
“..น้อง..แจ็คคิดถึงป๊ามาร์คมากเลยครับ..”
พูดเองเขินเองผมอยากจะมุดดินหนีชะมัด
“หึ..ขออีกคำนึงสิ คำที่หนูพูดตอนเราอยู่บนเตียงอะ”
อีกคนพูดพร้อมกับรอยยิ้ม นิ้วโป้งของป๊าเกลี่ยมาที่ริมฝีปากของผมเบาๆ
“...หนู..คิดถึงป๊านะ...” พูดจบริมฝีปากของผมก็ถูกปิดทับด้วยริมฝีปากของอีกคน
เนิ่นนานเท่าไหร่ที่เราแลกเปลี่ยนอากาศให้กันและกัน
มือที่เคยประคองหน้าผมก็เลื่อนลงต่ำเรื่อยๆ
แรงบีบเฟ้นไปทั่วนั่นทำเอาผมรู้สึกดีแทบบ้า
แต่ทุกอย่างก็ต้องชะงักลงเมื่อริมฝีปากของคนตรงหน้าถูกถอนออกไปพร้อมกับมือที่เลื่อนจากข้างล่างขึ้นมาสู่ข้างบน
นิ้วมือสวยเกลี่ยที่ปอยผมของผมเบาๆ
“ป๊าไปก่อนนะ อย่าดื้อนะรู้ไหม?” ผมมองตามอีกคนตาละห้อยก่อนที่ประตูห้องจะปิดลงทิ้งให้ผมอยู่กับความเงียบเพียงแค่คนเดียว
ผมรู้สึกเสียใจ
ผมกล้าพูดตรงนี้เลยนะว่าผมเสียใจเมื่อวันนี้คือวันที่ป๊าสัญญาว่าจะมา
แต่ทันทีที่ผมเปิดประตูห้องเข้ามามันก็มีเพียงตุ๊กตาหมีตัวโตกว่าผมพร้อมกับกล่องของขวัญและการ์ดเพียง 1 ใบที่อยู่ตรงนั้น ใจความของมันก็คือ..ป๊าไม่มา
“เฮ้อ..” ผมมองหมีนั่นด้วยสายตาว่างเปล่าก่อนจะหยิบกล่องของขวัญและเดินเลี่ยงไปทางห้องนอนแทน
ผมเปิดกล่องมันขึ้นมาก็พบว่าเป็นนาฬิกาเรือนหรูที่ทำมาจากทองคำขาว
มันเป็นสิ่งที่ผมเห็นแล้วมันไม่ได้น่ายินดีหรือดีใจเลยสักนิด..
เพราะสิ่งที่ผมต้องการจริงๆ
ไม่ใช่สิ่งของแบบนี้...
หลังจากนั่งถอนหายใจที่เตียงได้เพียงแค่แป๊บเดียวก็เอากล่องนาฬิกาไปวางที่ชั้นหนังสือก่อนจะเดินออกห้องไปยังโซนห้องครัวเล็กๆ
พอให้ทำอะไรกินได้ ผมไม่ได้สนใจว่าอยากกินอะไรแต่ตอนนี้ผมอยากดื่มเบียร์มากกว่า
อย่างน้อยก็อยากลืมว่าวันนี้ป๊าผิดนัดยังไง..
กระป๋องที่ 1
กระป๋องที่ 3
.
... มันน่าจะเป็นกระป๋องสุดท้ายที่อยู่ในตู้แล้วที่อยู่ในมือผมตอนนี้
ภาพตรงหน้ามันพร่าเลือนไปหมด ทุกอย่างดูช้าลงมากกว่าปกติ
ผมสะบัดหัวไล่ความมึนทิ้งไปก่อนจะโยนกระป๋องสุดท้ายลงเคาน์เตอร์ครัวอย่างไม่สนใจว่ามันจะกลิ้งไปตกที่ไหน
สองเท้าของผมพาตัวเองเดินเซๆ มาที่โซฟากว้างก่อนจะหยิบมือถือที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงขึ้นมาดูเวลาและทิ้งตัวลงนอนราบไปกับความยาวของโซฟา
02:11 AM.
เวลานี้คงเป็นเวลานอนหลับแล้วสินะ..ผมไม่รู้หรอกนะว่าวันนี้ป๊าต้องไปหาเด็กคนไหนบ้างหรือเปล่าแต่..ผมคิดถึงป๊า
ผมไม่รู้ว่าตัวเองกดเลื่อนหาเบอร์ป๊าแล้วกดโทรออกไปตอนไหนแต่เสียงสัญญาณที่ดังยาวๆ
ที่ดังออกมานั่นไม่ได้ทำให้ผมรีบกดวางแต่อย่างใด
เสียงรอสายมันยาวและนานจนผมรู้สึกอยากจะหัวเราะออกมา
ตอนนี้..ป๊าอาจจะอยู่กับเด็กคนอื่นก็ได้นี่...
ทั้งๆ ที่ผมก็รู้แต่ทำไมผมยังอยากจะโทรหาป๊าจังเลยนะ
(..แจ็ค....เจีย..เอ๋อ..หนู..ได้ยินป๊าไหม?) ผมสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะกดเปิดสปีคเกอร์โฟนแล้วทิ้งมันไว้บนหน้าอกตัวเอง
“ได้ยิน..หนูได้ยินหมดเลย”
ผมตอบเสียงเบาพร้อมกับหลับตาลงช้าๆ
(หนู..ป๊าไม่ค่อยได้ยินเสียงหนูเลย หนูอยู่ไหนครับ?)
ปลายสายถามผมเสียงนุ่ม
“ฮึก...ห้อง..หนูอยู่ห้อง” ผมตอบปลายสายทั้งน้ำตา
ตอนนี้ผมไม่เข้าใจตัวเองซะด้วยซ้ำว่าตัวเองร้องไห้ทำไม
(หนูร้องไห้หรอ? ใครทำอะไร?
ให้ป๊าไปหาไหม?) ปลายสายยังคงถามกลับมาด้วยน้ำเสียงโทนเดิม
โทนที่ทำให้ผมตกหลุมรักซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“ป๊า..มาหาหนูได้หรอ? ป๊าไม่ได้อยู่กับคนอื่นหรอ?”
ผมถามอีกคนกลับไปด้วยน้ำเสียงยานคาง
พยายามอย่างมากที่จะบังคับให้ตัวเองเป็นปกติแต่มันก็ยากเหลือเกิน
(หนูเมาหรอ? งั้นเดี๋ยวป๊าไปหารอแป๊บนะครับ)
ไม่ทันที่ผมจะได้ตอบอะไรกลับไปอีกฝั่งก็ชิงตัดสายไปก่อน ผมหยิบมือถือตัวเองขึ้นมาก่อนจะโยนไปทิ้งไปไกลๆ
ด้วยความรู้สึกเจ็บในใจ
วันนี้มันอาจจะเป็นวันสุดท้ายที่ผมกับป๊าจะได้อยู่ด้วยกันก็ได้...
เพราะผมผิดสัญญาแล้ว
อ้อมกอดที่คุ้นเคยทำเอาผมเผลอบดเบียดตัวเข้าหา
น้ำหอมกลิ่นคุ้นเคย ความนุ่มหยุ่นจากริมฝีปากที่เคยฉกชิง รวมทั้งลื้นร้อนๆ
ที่ทำให้ผมแทบละลายคาเตียงนั่นมันเด่นชัดจนปล่อยตัวให้ไหลไปตามเกมที่อีกคนควบคุมอยู่
เสื้อผ้าที่หลุดหายไปทีละชิ้นไม่เร้าใจเท่ากับกระดุมทั้งแผงของป๊าขาดกระเด็นกระดอนไปทั่วห้องด้วยฝีมือของผมหรอก
“อ่า..”
ร่างกายของเราประสานกันอย่างลงตัวไม่ว่าจะเป็นด้านบนหรือด้านล่าง
ความแรงที่ผมได้รับมันก็ไม่มีแผ่วเลยสักนิด เสียงหอบหายใจที่ดังอยู่ข้างๆ
หูผมบ่งบอกเป็นอย่างดีว่าอีกคนมีอารมณ์ร่วงมากเท่าไหร่
เสียงหอบครางในลำคอของป๊าเมื่อของเหลวข้นถูกฉีดอัดเข้ามาข้างในตัวของผมมันทำให้ผมรู้สึกดีเมื่อได้ทำให้อีกคนพอใจด้วยร่างกายของตัวเอง
เสียงน่าอายยังคงดำเนินไปช้าๆ
พร้อมกับเสียงของผมที่คอยเรียกชื่อป๊าซ้ำไปซ้ำมาอย่างไม่มีเบื่อ
“ป๊า.ฮื้ออ..มาร์ค..ม..มาร์ค อา...ป๊า”
ยิ่งเรียกชื่ออีกคนความรุนแรงก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ผมที่แตะสวรรค์ไปสามครั้งติดก็ไม่เท่ากับป๊าที่เพิ่งไปถึงเพียงแค่ครั้งเดียว
“อา..หนูอย่าขี้โกง อืมมม”
ผมไม่อยากได้ยินอะไรทั้งนั้นนอกจากเสียงหอบครางเซ็กซี่ของป๊า
ผมเลยเลือกที่จะก้มลงไปช่วงชิงริมฝีปากพร้อมกับขยับร่างกายอย่างใจนึก
“อา..อา....”
ผมลืมตาตื่นขึ้นมาตอนเช้าก่อนจะหลับตาลงอีกครั้งเมื่อคิดได้ว่าเมื่อคืนมีคนมาที่ห้อง
ผมรีบลุกขึ้นนั่งบนเตียงก่อนจะมองหาคนที่มาหาผมเมื่อคืนแต่ทั้งบนเตียงและในห้องมันว่างเปล่าไปหมด
ใจผมหล่นวูบไปอยู่ที่ตาตุ่มเมื่อคิดว่าป๊าน่าจะออกไปทำงานและทิ้งโน้ตให้ผมไว้ที่ไหนสักที่แน่ๆ
แกร๊ก..
“มองหาใครหืม?” ผมบิกตาโตก่อนจะยิ้มกว้างออกมาเมื่อเห็นป๊าเดินออกจากห้องน้ำมาพร้อมกับผ้าเช็ดตัวที่พันอยู่ที่เอวเพียงผืนเดียว
รอยแดงที่หน้าอกป๊าลากยาวตั้งแต่ไหปลาร้าจนถึงซี่โครงซี่สุดท้ายนั่นทำเอาผมหน้าเห่อร้อนขึ้นมาทันที
“ป..ป๊าใส่เสื้อก่อนไหม” ผมเสหน้าหลบไปทางอื่น
“ทำไม..ใจเต้นหรอ?” ป๊าไม่พูดเปล่าแถมเดินเข้ามาหาผมก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ
พร้อมกับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
“ม..ไม่ใช่สักหน่อย”
ผมส่ายหน้าไปมาแต่ก็ไม่กล้ามองหน้าป๊าที่ห่างกันเพียงคืบกว่าๆ อยู่ดี
“หึ.. เอาละ มาเคลียร์กันก่อน เมื่อคืนหนูเมาหรอ?”
ป๊าถามเสียงนุ่มจนผมกล้าเงยหน้าไปสบตาอีกคน
“อื้อ..”
“แล้วก็โทรหาป๊า?”
“อ่า..”
“..รู้ไหมป๊าบินจากปูซานมาเลยนะ
ทิ้งงานประชุมวันนี้ไปเรียบร้อยแล้ว” เสียงเข้มนั่นทำเอาใจผมหล่นวูบ
นี่ผมสร้างปัญหาให้ป๊าใช่ไหมเนี่ย
“..ผม..ขอโทษ” ผมพูดเสียงเบามากๆ
“เอาละ..ไหนป๊าขอเหตุผลดีๆ หน่อยสิ” ป๊าถามพร้อมกับยกมือขึ้นมาเชยคางผมให้เงยหน้าไปสบตา
“..จะให้หนูบอกจริงหรอ?” ผมพูดเสียงอ้อน
“จริง..ป๊าขอแบบความจริงนะ” ป๊าพูดทั้งรอยยิ้ม
ผมใจชื้นขึ้นมาเล็กน้อยก่อนจะตัดสินใจพูดในสิ่งที่ใจคิดมานานแล้ว
“หนู..ไม่อยากได้อะไรจากป๊าแล้ว”
ผมพูดเสียงเบาก่อนจะหลบตาอีกคนไปอีกทาง มือที่เคยเชยคางผมค่อยๆ
ลดลงก่อนจะวางลงที่หน้าตักของตัวเอง
“...หนูหมายความว่าหนูไม่อยากอยู่แบบนี้แล้ว?” ป๊าพูดเสียงเรียบ
“อื้อ..”
“ป๊าให้หนูไม่พอหรอ? บ้าน?
รถ? หนูอยากได้อะไรบอกป๊าสิ”
ผมเงยหน้าขึ้นมองป๊าก่อนจะส่ายหน้าไปมา
“ป๊าให้หนูหมดแล้ว” ผมบอกอีกคนพร้อมกับรอยยิ้มบางๆ
“..ป๊าไม่มีเวลาให้ใช่ไหม?” อีกคนถามผมด้วยน้ำเสียงจริงจัง
แม้ว่ามันไม่ใช่รีแอคชั่นที่ผมคิดไว้แต่มันแปลกใจที่ป๊าดูจะหวงผมแปลกๆ
“..หนูไม่อยากได้อะไรแล้วจริงๆ
แต่หนูต้องการเพียงอย่างเดียว” ผมเงยหน้าขึ้นไปสบตาอีกคนด้วยสายตาจริงจัง
“...หนูต้องการอะไร บอกป๊ามาเลย”
ผมเม้มปากแน่นเมื่อเห็นคิ้วเข้มขมวดกันแทบจะเป็นปม
“หนูต้องการใจป๊า หนูไม่อยากได้อะไรอีกแล้ว
หนูแค่อยากมีป๊าแค่คนเดียวได้ไหม...” พูดจบผมก็อดไม่ได้ที่จะลุ้นกับคำตอบ
สิ่งที่ผมทำตอนนี้เหมือนกับว่าเป็นคำสารภาพรักกลายๆ
“...หมายถึงหนูอยากเป็นแฟนป๊า?” ป๊าพูดขึ้นขึ้นมาพร้อมกับขมวดคิ้วแน่น
“อื้อ อยากเป็น..” ผมพูดเสียงเบา
“เฮ้อ.. ก็เป็นเมียอยู่แล้วจะอยากเป็นแฟนไปทำไมหืม?”
ป๊ายิ้มกว้างก่อนจะรวบตัวผมเข้าไปกอดแน่น
“เดี๋ยวๆ ป๊าหนูไม่เข้าใจ” ผมดันตัวเองออกก่อนจะถามอีกคนด้วยความไม่แน่ใจ
“เมียอะไร? ไม่เอาแบบนี้ดิหนูอยากเป็นแฟน
แฟนที่เปิดเผยได้อะๆ”
ผมงอแงใส่อีกคนก่อนจะดันอ้อมกอดที่พยายามจะรวบตัวผมไปกอดอีกครั้งออก
“เจียเอ๋อ..ฟังป๊านะ ป๊าไม่มีใคร มีแค่เรา โอเคไหม?
มีแค่เรา เราเป็นคนเดี๋ยวของป๊า” ทันทีที่ป๊าพูดจบผมก็เงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่จะโดนอีกคนรวบตัวไปกอดแน่น
พอสมองผมประมวลผลอะไรเสร็จหน้าผมก็เห่อร้อนขึ้นมาทันที
“หมาย...หมายความว่าป๊ามีแค่หนู
และหนูเป็นแฟนป๊าแล้วใช่..ไหมอะ” ผมถามอีกคนเสียงสั่นทั้งๆ ท่ยังโดยกอดแน่น
“หนูไม่ได้เป็นแฟนป๊า แต่หนูเป็นเมียป๊าต่างหาก”
ป๊าหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนจะผละออกแล้วชิงหอมแก้มผมแรงๆ ไปสองสามที
“อื้อออ ป๊า ไม่เอาแล้วเหนื่อย”
ไม่ทันที่ผมจะได้ทำอะไรร่างของผมทั้งร่างก็โดนอุ้มขึ้นมานั่งคร่อมตักกว้างแทบจะทันที
“หนูเจียเอ๋อ ไหนทำแบบเมื่อคืนหน่อยสิครับ”
ผมถลึงตากว้างก่อนจะตีเบาๆ ไปที่อกอีกคน
“ป๊า!! ไม่เอาแล้วเหนื่อย!”
ผมพยายามจะลงจากตักอีกคนแต่เอวของผมก็ถูกกอดแน่น
“เมื่อคืนไม่เห็นจะเหนื่อยเลยเสร็จไปตั้งสามรอบเลยนะ”
ตอนนี้หน้าผมยิ่งกว่าถ่านร้อนๆ ซะอีกให้ตายเถอะ ป๊า!! แม่ง!
รู้งี้ไม่คุยเรื่องนี้แล้ว
“ป๊า ไม่เอา! อือออออออ”
เสียงของผมขาดหายไปอีกครั้งก่อนที่เสียงโวยวายนี้จะแทนที่ด้วยเสียงหอบคางกับเสียงน่าอายของเราสองคน
ให้ตายเถอะป๊าแม่ง...จะอึดเกินคนแล้ว!
-Talk-
ความแดมฮอตคือไรไม่มี
มันแวบมาในหัวก็เลยแบบเอาวะไม่ฮอตช่างแม่งละลงๆไปเถอะ ก่อนที่จะเก็บไว้ละเขียนต่อไม่ได้
ให้มันลงกรุไปเหมือนเรื่องอื่นๆ 55555 ไม่มีความฟรี้กกิ้งฮอตใดๆทั้งสิ้น สิ่งที่อยากเขียนก็เลยเขียนไป
นี่เราแก้รอบนึงนะตอนแรกม่านิดนึงก็เอ๊ะไม่เอาดีกว่า 555555555 เอาเป็นว่าไม่ฮอตแต่สมองมันแล่นเมื่อเห็นพิจ๋าเต้น sexy dance ค่ะ อห.ตายไปเร้ยแงงงงไม่ไหวมากหัวใจ TT
อยากหวีดหรืออยากแสดงความคิดเห็นติดแท็กนี้เอานะคะ
555555 #วูบวันช็อต